บทความที่ 4 ภาคสนาม


 " เจาะอาชีพนักออกแบบ Infographic "


ในปัจจุบันเป็นยุคของโลกดิจิตอล การจะนำเสนอข้อมูลต่างๆ ที่มันเยอะ ซับซ้อน น่าเบื่อนั้น ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามข้อมูลหรือเนื้อหาเหล่านั้น การสื่อสารข้อมูลที่มันมีเนื้อหาเยอะๆ ซับซ้อนในยุคนี้จึงจำเป็นต้องทำให้มีความน่าสนใจ โดยใช้การออกแบบกราฟิกดีไซน์เข้ามาช่วย อย่างเช่น อินโฟกราฟิก ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่กำลังเป็นที่นิยม และถูกนำมาให้ใช้ในงานด้านการออกแบบกราฟิกดีไซน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นที่ต้องการของคนในยุคนี้ โดยเฉพาะการสื่อสารในโลกออนไลน์ อย่างการทำโฆษณาไปสู่รูปแบบของออนไลน์นั้น ต้องการความรวดเร็ว กระชับ น่าสนใจ และต้องโดนใจผู้อ่าน การเปลี่ยนเนื้อหาที่น่าเบื่อหลายย่อหน้าให้น่าสนใจ และเข้าใจง่ายด้วยภาพที่แสดงถึงเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ในรูปแบบอินโฟกราฟิกให้จบเพียงในภาพเดียว จึงเป็นการสื่อสารที่รวดเร็ว ชัดเจน และสมบูรณ์แบบที่สุด

ในยุคนี้หลายคนคงได้ยินคำว่า “อินโฟกราฟิก” กันจนหูแฉะ ตามเว็บไซต์สาธารณะทั่วไป และตามเว็บเครือข่ายสังคม แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร? สามารถพบเจอได้ที่ไหนบ้าง? แล้วมันจำเป็นกับชีวิตไหม?

จริงๆ คำนี้หากแปลตรงตัวก็คือ ภาพหรือกราฟิกซึ่งบ่งชี้ถึงข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นสถิติ ความรู้ ตัวเลข เรียกว่าเป็นการย่นข้อมูลเพื่อให้ประมวลได้ง่ายเพียงแค่กวาดตามอง ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้คนในยุคนี้ ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนในเวลาอันจำกัด

มนุษย์เรามักเลือกจดจำอะไรที่เป็นภาพที่มีสีสัน มากกว่าจดจำข้อมูลที่มันเป็นเนื้อหา ยิ่งข้อมูลที่เยอะ และซับซ้อน เข้าใจยาก คนส่วนใหญ่นอกจากจะไม่อยากจำแล้ว ยังมีความต่อต้านเล็กๆในใจไม่อยากจะอ่าน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าถามว่าอินโฟกราฟิกมีความจำเป็นกับชีวิตไหม ผมคิดว่ามีนะ บางเรื่องที่ข้อมูลมันเยอะๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่จำเป็นกับชีวิตเรา การมีอินโฟกราฟิกเข้ามาช่วยให้เราจดจำข้อมูลเหล่านั้นได้ และปฏิบัติตนถูกวิธี ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิต อาจจะช่วยให้ชีวิตเรามีความปลอดภัยมากขึ้นก็ได้ อย่างเช่น ขั้นตอนในการใช้ถังดับเพลิงเมื่อเกิดไฟไหม้ ฯลฯ



ตัวอย่าง อินโฟกราฟิก วิธีใช้ถังดับเพลิง


เราสามารถพบเจออินโฟกราฟิกได้ทุกที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์การจราจร ป้ายประชาสัมพันธ์องค์กร บอร์ดประชาสัมพันธ์ข่าวสารในสถานศึกษา โรงพยาบาล ตู้ ATM ปั้มน้ำมัน หรือแม้กระทั่งป้ายสัญลักษณ์หน้าห้องสุขา เป็นต้น


คลิปวีดีโอ





อาชีพนักออกแบบ infographic


จากการสัมภาษณ์สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญของผู้ประกอบอาชีพนี้คือ คุณจิดาภา แซการี อายุ 33 ปี ทำงานในตำแหน่งงานกราฟฟิกดีไซน์ ที่บริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส

คุณจิดาภา แซการี

        พี่จิดาภาได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพนี้ของท่านว่า จุดเริ่มต้นการประกอบอาชีพกราฟิกดีไซน์ เริ่มจากการที่เรียนจบทางด้านนี้ โดยแรงบันดาลใจที่ทำให้ประกอบอาชีพนี้ คือด้วยสายงานที่เรียนจบมา ผนวกกับความชอบส่วนตัว จึงเลือกประกอบอาชีพนี้

พี่จิดาภากล่าวว่า อินโฟกราฟิกมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานออกแบบกราฟิกอื่นๆ ด้วย เพราะบางครั้งในการทำงานกราฟิกต่างๆ สามารถใช้หลักการในเรื่องของการออกแบบอินโฟกราฟิกได้ เช่น กำหนดประเด็นในการทำ กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการออกแบบได้อย่างชัดเจน และอินโฟกราฟิกนั้น มีความสำคัญมากในการนำเสนอข้อมูล เช่น ข้อมูลที่มีความซับซ้อนมากๆ จะทำยังไงเพื่อเป็นสื่อให้คนเข้าใจได้ง่าย ในเรื่องของเทคนิคในการออกแบบให้ลูกค้าสนใจนั้น พี่จิดาภาเล่าต่อว่า จะเน้นในเรื่องของข้อมูลที่กะทัดรัด เน้นกราฟิก พวกตัวการ์ตูน เน้นสีสัน และจะดูกลุ่มลูกค้าอีกทีว่าชอบแนวไหน ประมาณไหน

ระหว่างงานอินโฟกราฟิก กับงานโปสเตอร์มีความคล้ายคลึงกัน และคนจำนวนหนึ่งก็ยังสับสนว่ามันคืออันเดียวกัน เรื่องนี้พี่จิดาภาได้เล่าว่า จริงๆ แล้วโปสเตอร์เป็นการประชาสัมพันธ์หรือนำเสนอข้อมูล โดยจะใช้ภาพถ่าย พร้อมเนื้อหาในการออกแบบ แต่ถ้าเป็นงานของอินโฟกราฟิก ลักษณะในการออกแบบ จะใช้กราฟิกเข้าช่วย ซึ่งเมื่อผู้บริโภคเห็น ก็จะสามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน

ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพการออกแบบอินโฟกราฟิกอีกท่านที่ได้ทำการสัมภาษณ์ คือ ดร. จิรัชฌา วิเชียรปัญญา อายุ 56 ปี ตำแหน่งงาน อาจารย์ประจำสาขาวิชามัลติมีเดีย วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งท่านได้สอนในรายวิชาการออกแบบอินโฟกราฟิกโดยตรง และท่านคลุกคลีอยู่กับการออกแบบดีไซน์กราฟิก และเทคโนโลยีสารสนเทศมานาน

ดร. จิรัชฌา วิเชียรปัญญา

        ท่านได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอินโฟกราฟิกว่า เราต้องเข้าใจก่อนว่าการสื่อสารหลัก เราต้องการสื่อสารอะไร ต้องการสื่อในเรื่อง Content เนื้อหาสาระ หรือสื่อสารข้อความอะไรบางอย่าง ในโลกปัจจุบันผู้รับสารจะมีความชอบที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากพฤติกรรมคนยุคนี้มักจะอยู่กับโซเชียลมีเดียเป็นหลัก อยู่กับความเร็วภายใต้นิ้วมือในการหาข้อมูล ซึ่งคนเหล่านี้ก็มักจะใจร้อน ต้องการรับข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว เข้าใจได้ง่าย เพราะฉะนั้น อินโฟกราฟิกจึงเข้ามาตอบโจทย์พฤติกรรมในการรับสารของคนในปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นงานสื่อสารในด้านทีวี หรือในด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ ล้วนเอางานในเรื่องของอินโฟกราฟิกเข้ามาใช้เพื่อใช้ในการสื่อสารกับผู้รับสาร เพื่อทำให้ผู้รับสารเข้าถึงสารนั้นได้เร็ว และเข้าใจได้เร็ว

ในเรื่องของความสำคัญของอินโฟกราฟิกที่มีต่อการสื่อสารในยุคดิจิตอลนั้น อาจารย์เล่าว่า ความจริงแล้ว อินโฟกราฟิกมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ประการ คือ Information (ข้อมูลสาระ) กับ Graphic (ภาพประกอบ) อย่างพวกบริษัทพาณิชย์ ในงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือการสื่อสารการตลาด หัวใจสำคัญคือ ต้องการให้คนรับรู้ หรือบริการได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญบริษัทประเภทนี้ต้องใช้เวลาสื่อในการออนแอร์ ในเวลาที่จำกัด เพราะฉะนั้นการสื่อสารด้วยอินโฟกราฟิก จะทำให้ผู้รับสารเข้าถึงสาระสำคัญได้อย่างรวดเร็ว และกราฟิกสามารถดึงดูดคน ได้มากกว่าสารที่เป็นข้อความ หรือในเรื่องของการสื่อสารออนไลน์ก็เช่นเดียวกัน อินโฟกราฟิกมันเป็นข้อมูลพื้นฐาน สามารถเอาไปใช้ในสื่อประเภทอื่นๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น เอาไปประกอบทางด้านของ E-learning หรือประกอบในด้าน Motion graphic ก็ได้ เพราะฉะนั้นอินโฟกราฟิกจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่จะเข้าไปแทรกในสื่ออื่นๆ นั่นเอง

ท่านได้เล่าต่ออีกว่า เคล็ดลับในการออกแบบอินโฟกราฟิกแบบมืออาชีพนั้น หัวใจสำคัญเป็นเรื่องของการจัดกระทำข้อมูล และเรื่องของการออกแบบ ซึ่งจะต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น อย่างแรกคือการจัดกระทำข้อมูล ต้องให้สั้น กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ และที่สำคัญคือต้องมีความถูกต้อง และเนื้อหาสาระต้องสมบูรณ์ การจัดกระทำเนื้อหาให้สั้น กระชับจึงเป็นหัวใจสำคัญในการจัดกระทำข้อมูล และอย่างที่สอง เรื่องของการออกแบบกราฟิก มันเป็นเรื่องของการให้ภาพเข้ามาเป็นตัวช่วยในการอธิบายเรื่องราวต่างๆ และก็ช่วยดึงดูดความสนใจของคนให้มาสนใจข้อความที่เราจัดกระทำนั้น ซึ่งกราฟิกที่ออกแบบแล้วนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของการสื่อสารด้วยภาพแล้ว มันยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสี การจัดวาง การใช้ตัวออกแบบนำสายตา การออกแบบตัวอักษร ขนาดของตัวอักษร ซึ่งล้วนขึ้นอยู่กับลักษณะของการจัดวางและการออกแบบทั้งสิ้น แต่หลายครั้งการออกแบบกราฟิกให้อยู่ในรูปแแบบของอินโฟกราฟิกนั้น มันอาจไม่ได้ถูกต้องตามหลักทฤษฏี แต่พอดูโดยรวมแล้ว มันดูลงตัว ดูแล้วสามารถเข้าถึงได้ง่าย สีมันเด่น ดึงดูดสายตาคนได้ ก็สามารถที่จะใช้หลักการออกแบบที่หลากหลายได้ไม่ใช่เรื่องผิด

ข้อจำกัดในการออกแบบอินโฟกราฟิกนั้น อาจารย์กล่าวว่า บางครั้งเนื้อหามันมีเยอะ แต่พื้นที่ในการออกแบบมันมีจำกัด หลักการออกแบบอินโฟกราฟิกที่ดีจะต้องจบงานใน 1 แผ่น เพราะฉะนั้นการยัดเยียดเนื้อหาเยอะๆ ลงไปใน 1 แผ่น ก็จะทำให้รู้สึกว่ามันแน่น อึดอัด ไม่สบายตา ซึ่งเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยการทำให้มันเป็นชุดของอินโฟกราฟิก ซึ่งในแต่ละเรื่องนั้นสามารถจบงาน ใน 2 แผ่น หรือ 3 แผ่นได้ แต่การออกแบบนั้นจะต้องให้มันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และในการประชาสัมพันธ์หรือการเผยแพร่จะต้องมีข้อความที่บ่งบอกว่ามันเป็นแผ่นที่ 1 แผ่นที่ 2 หรือแผ่นที่ 3 ให้ชัดเจน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นข้อจำกัดในการออกแบบงาน อินโฟกราฟิกอย่างมาก หากเนื้อหามันยาวมากหรือเยอะมากจริงๆ จะต้องมีการพิจารณาเพื่อทำการแบ่งเนื้อหาอีกครั้งหนึ่ง แต่โดยหลักการแล้ว งานควรเสร็จสมบูรณ์หรือควรจบใน 1 แผ่น

ปัจจุบันทิศทางของอาชีพนักออกแบบอินโฟกราฟิกในประเทศไทยนั้น อาจารย์เล่าว่า ถ้าเป็นนักออกแบบ อินโฟกราฟิกโดยตรงนั้น ตอนนี้ยังไม่มี เพราะงานอินโฟกราฟิกมันเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบสื่อเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่ายุคนี้มันเป็นยุคของการที่สังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับอินโฟกราฟิก มันก็เลยเหมือนเป็นการขยายหน้างานเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง แต่คงไม่ใช่อาชีพที่ทำทางด้านอินโฟกราฟิกอย่างเดียว เขาอาจจะทำสื่ออย่างอื่นประกอบด้วย แต่ที่สำคัญก็คือคนที่ได้ค่าตอบแทนในงานอินโฟกราฟิกสวยๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การออกแบบอินโฟกราฟิกอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่ความสามารถในการจัดกระทำเนื้อหาค่อนข้างมากได้ดีด้วยหรือเปล่าด้วย อย่างในลักษณะงานในตำแหน่งที่เรียกว่า Provider คือผู้ที่จัดหาในเรื่องข้อมูล เพื่อจะเอาข้อมูลมาจัดกระทำ แล้วพอจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปสื่อสารหรือไปเผยแพร่ ก็จะใช้กราฟิกในการจัดกระทำหรือเป็นตัวเดินเรื่อง จึงก่อให้เกิดตำแหน่งงานที่เรียกว่า อินโฟกราฟิก เกิดขึ้นก็ได้

อาจารย์เล่าต่อว่ารายได้ของคนออกแบบอินโฟกราฟิกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของข้อมูล และรายได้ค่อนข้างคงที่ เช่น ออกแบบแนวนี้ สไตล์นี้ มันก็จะมีเรท มีอัตราของมัน ถ้าข้อมูลที่ง่ายก็จะเป็นอัตราหนึ่ง แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่ยาก ต้องมีการสังเคราะห์ ต้องมีการจัดกระทำข้อมูล เช่น พวกตัวเลขเยอะๆ แล้วต้องนำข้อมูลมานำเสนอในรูปแบบอินโฟกราฟิก อัตราค่าตอบแทนก็จะอีกแบบหนึ่ง หรือข้อมูลที่ใช้ในการเสนอผู้บริหารเพื่อใช้ในการตัดสินใจ หรือคณะรัฐบาลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ค่าตอบแทนก็จะเป็นอีกเรทหนึ่ง เพราะฉะนั้นค่าตอบแทนของการออกแบบอินโฟกราฟิก ก็จะขึ้นอยู่กับการจัดกระทำข้อมูลค่อนข้างมากนั้นได้ดีมากน้อยแค่ไหน

อาจารย์เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ในเรื่องของความนิยมในอาชีพนี้ ตอนนี้ทุกหน่วยงานหายใจเป็นอินโฟกราฟิก ผู้บริหารหายใจเป็นอินโฟกราฟิก เพราะมันสามารถตอบโจทย์เขาได้ในเรื่องของความง่าย สะดวก รวดเร็ว และเข้าใจได้ง่าย เพราะฉะนั้นความนิยมมันจะมีแต่ทางบวก ส่วนทางลบแทบจะไม่มีเลย หรืออาจจะมีอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่เชิงว่าจะเป็นทางลบ คือมีการพูดคุยกันในหมู่คนที่ทำสื่อว่า อินโฟกราฟิกต่างกับโปสเตอร์อย่างไร? หลายคนทำงานออกมาไม่ใช่เป็นอินโฟกราฟิก แต่เป็นโปสเตอร์ ในส่วนนี้จะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันนิดหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ถึงขั้นกับเป็นทางลบซะทีเดียว ก็ถือว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของคนที่ไม่ได้อยู่ในศาสตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องการสร้างสรรค์สื่อมากกว่า  



ข้อสรุป


เราสามารถพบเจองานอินโฟกราฟิกในชีวิตประจำวันได้แทบทุกที่ เช่น ป้ายจราจร ป้ายรถเมล์ บอร์ดประชาสัมพันธ์ตามสถานศึกษา โรงพยาบาล ปั้มน้ำมัน หรือแม้กระทั่งป้ายหน้าห้องสุขา แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งในปัจจุบันที่เคยได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งไหนกันแน่ที่เขาเรียกว่าอินโฟกราฟิก หรือบางคนยังสับสนระหว่างโปสเตอร์กับงานอินโฟกราฟิกก็มี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะถ้าคนที่ไม่ได้ทำงานในด้านนี้ คงแยกแยะไม่ออกเป็นเรื่องธรรมดา

ในส่วนของนักออกแบบอินโฟกราฟิกในประเทศไทย ที่เจาะจงเฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ตอนนี้ยังไม่มี เพราะงานด้านนี้จะอยู่ในสายงานการออกแบบดีไซน์กราฟิกอยู่แล้ว และอินโฟกราฟิกเป็นพื้นฐานในการนำไปใช้ออกแบบร่วมกับสื่ออื่นๆ ความนิยมในเรื่องของอินโฟกราฟิก ถือเป็นเทรนที่กำลังมาแรงมากในยุคนี้ เพราะโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิกับชีวิตคนเรามากขึ้น การใช้อินโฟกราฟิกเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการโฆษณาของสื่อต่างๆ ทำให้คนเข้าใจในข้อมูลได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องมีการอธิบายซ้ำ

หลักการออกแบบอินโฟกราฟิกที่ดีนั้น หัวใจหลักมีอยู่ 2 อย่าง คือ อย่างแรกอยู่ที่การจัดกระทำกับข้อมูลที่มันเยอะๆ ผู้ออกแบบจะต้องมีความเข้าใจในข้อมูลนั้นเป็นอย่างดี ต้องทำการสรุปเอาข้อมูลที่สำคัญ สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย อย่างที่สองอยู่ที่การออกแบบกราฟิก การออกแบบกราฟิกนั้นจะต้องสอดคล้องไปกับข้อมูล การดีไซน์แบบ การใช้สี เข้ามาดึงดูดผู้บริโภค และการออกแบบอินโฟกราฟิกที่ดีนั้นจะต้องทำให้เสร็จสมบูรณ์ในแผ่นเดียว หากข้อมูลเยอะมากๆ จะต้องทำการพิจารณา เพื่อแบ่งข้อมูลนั้นก่อน ซึ่งถ้าข้อมูลมันเยอะจริงๆ สามารถทำงานให้จบในหลายแผ่นได้ แต่ต้องให้งานออกมาในทิศทางเดียวกัน ในเรื่องของรายได้และค่าตอบแทน ก็ขึ้นอยู่กับว่านักออกแบบคนไหนจัดกระทำกับข้อมูลได้ดีมากน้อยแค่ไหน เรทราคาส่วนใหญ่ก็จะคงที่ ซึ่งส่วนนี้ก็จะแล้วแต่สไตล์ของนักออกแบบแต่ละคน เพราะนักออกแบบแต่ละคนจะมีสไตล์เป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นเรทราคาที่ได้ก็จะคงที่สำหรับนักออกแบบแต่ละบุคคลไป และอีกส่วนหนึ่งก็จะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดร. จิรัชฌา วิเชียรปัญญา อาจารย์ประจำสาขาวิชามัลติมีเดีย วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
คุณจิดาภา แซการี นักออกแบบกราฟิกดีไซน์




ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม